วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

ประวัติ วันคริสต์มาส

ประวัติ วันคริสต์มาส

25 ธันวาคม วันคริสต์มาส

คริสต์มาส

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอ ขอบคุณภาพประกอบจาก ru.ac.th , educatepark.com และ ทางอินเทอร์เน็ต


ถึงช่วงปลายปีทีไร ชาวไทยเราก็มีเรื่องฉลองอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวันปีใหม่หรือวันคริสต์มาสที่กำลังจะเข้ามาถึง แม้ว่าวันคริสต์มาสนี่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับคนไทยที่นับถือศาสนา พุทธสักเท่าไร แต่พี่ไทยซะอย่าง ฉลองได้ทุกเทศกาลอยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะไปฉลองกัน ลองมารู้จักกับวันคริสต์มาสก่อนดีไหม


ตำนานวันคริสต์มาส

คำว่า "คริสต์มาส" เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" ซึ่งพบครั้งแรกในเอกสารโบราณที่เป็นภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 1038 และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas

เทศกาล Christmas หรือ X’Mas ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งวันที่ 25 ธันวาคมนั้นเป็นวันประสูติของพระเยซู ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ โดย พระองค์ประสูติที่เมืองเบ็ธเลเฮ็มและเติบโตที่เมืองนาซาเรท ซึ่งปัจจุบันคือประเทศอิสราเอล ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซาร์ ออกุสตุส แห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้ง อาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วัยรุ่นปาหินกระจกหน้ารถ หนูน้อย 11ขวบสาหัส

วัยรุ่นปาหินกระจกหน้ารถ หนูน้อย 11ขวบสาหัส



วัยรุ่นปาหินกระจกหน้ารถ หนูน้อย 11ขวบสาหัส

แก๊ง ปาหินอาละวาด ขว้างรถนักท่องเที่ยวที่กลับจากงาน 100 ปีพระราชวังสนามจันทร์ เมืองนครปฐม ถูกหน้าเด็กชาย 11 ขวบที่หลับอยู่หลังรถอาการสาหัส ขี่ จยย.ปาดหน้า แต่โชเฟอร์เร่งเครื่องหนีรอดหวุดหวิด พยานยันมีวัยรุ่นมาถามหาคนเจ็บจากเหตุปาหินที่โรงพยาบาล คาดมาเช็กอาการ ตร.ภาค 7-ภูธรจังหวัดเต้น สั่งระดมกำลังไล่ล่า ตั้ง 2 ข้อหาหนัก ลักทรัพย์และพยายามฆ่า อีกรายพี่สาวร้องสื่อ น้องชายถูกปาหินเสียชีวิต เกือบเดือนคดีไม่คืบ

แก๊งปาหินยังสร้าง ความเดือดร้อนให้ไม่หยุดหย่อน โดยรายล่าสุด เด็กชายวัย 11 ขวบ ต้องมารับเคราะห์ได้รับบาดเจ็บสาหัส เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.45 น. วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ต.ท.ไพบูลย์ แพรสีนวล พนักงานสอบสวน สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้รับแจ้งมีคนถูกปาก้อนหินใส่รถและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4คน ไปรับการรักษาที่ รพ.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม

เหตุเกิดบริเวณถนน บรมราชชนนี หมู่ 1 ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่ รพ.ศาลายา พร้อมด้วย พล.ต.ต.ยงยุทธ เดียวตระกูล รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.สมบัติ ระวังสำโรง รอง ผบช.ภ. 7 พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผบก.ภ.จว.นครปฐม และ พ.ต.อ.อนุรักษ์ นาคพนม ผกก.

จากการตรวจสอบพบรถ ยนต์มิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีบรอนซ์-เงิน ทะเบียน ฐธ 5421 กรุงเทพมหานคร ถูกปาก้อนหินกระจกแตกร้าวทั้งบาน โดยมีนายหน่อย พรหมชนะ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 14 ต.รางหวาย อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เป็นคนขับ ส่วนผู้บาดเจ็บคือ ด.ญ.เปรมมิกา พรหมชนะ อายุ 2 ขวบ บุตรสาวนายหน่อย ถูกสะเก็ดหินและสะเก็ดกระจกเข้าที่ศีรษะ บาดเจ็บเล็กน้อย

นางวันวิ สา วรรณนุรักษ์ อายุ 28 ปี ภรรยานายหน่อย นายพีรพล ทองรี อายุ 15 ปี นายภานุพงษ์ วิเคราะห์เหตุ อายุ 27 ปี บาดเจ็บเล็กน้อย และ ด.ช.วีระยุทธ ไหลอุดมศิลป์ อายุ 11 ขวบ หลานชาย นักเรียนชั้น ป.5 ร.ร.ปากน้ำวิทยาคม แขวงบางเสาธง เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ บาดเจ็บสาหัส มีบาดแผลที่ใบหน้า แพทย์ต้องนำเข้าห้องไอซียู เนื่องจากเสียเลือดมาก

นายหน่อย ให้การว่า ก่อน เกิดเหตุครอบครัวและญาติรวม 6 คน เดินทางจาก กทม.มาเที่ยวงาน 100 ปี พระราชวังสนามจันทร์ กระทั่งเวลา 23.40 น. ก็เดินทางกลับ โดยใช้เส้นทางถนนบรมราชชนนี-ปิ่นเกล้า เมื่อขับรถมาถึงบริเวณพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ขณะนั้นทุกคนในรถหลับกันหมด โดยนางวันวิสา ภรรยานั่งเบาะด้านหน้า ด.ญ.เปรมมิกานอนหลับอยู่บนตัก ส่วนเบาะหลังมีนายพีรพล ด.ช.วีระยุทธ และนายภานุพงษ์นั่งอยู่ ขณะขับรถด้วยความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ก็ต้องตกใจสุด ขีด เมื่อได้ยินเสียงปัง จากนั้นกระจกด้านหน้าเป็นรูแตกร้าวทั้งบาน จึงขับรถยนต์ชิดเลนซ้ายเพื่อจอดดู แต่เมื่อหันกลับไปมองด้านหลัง ก็พบว่ามีวัยรุ่น 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์ 2 คันตามกันมา คิดว่าน่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น จึงเร่งเครื่องขับไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว และให้ภรรยาโทรศัพท์แจ้ง 191

ต่อมาเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.ยงยุทธ และ พล.ต.ต.สมบัติ รอง ผบช.ภ. 7 ได้เรียกเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและฝ่ายป้องกันและปราบปราม สภ.นครชัยศรี สภ.พุทธมณฑล สภ.สามพราน สภ.โพธิ์แก้ว พร้อมตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนครปฐม และตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 7 โดยมี พ.ต.อ.วิเชียร ตันติวิริยะ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.อนุรักษ์ นาคพนม ผกก.สภ.นครชัยศรี เข้าร่วมประชุมที่ห้องประชุม สภ.นครชัยศรี เพื่อเร่งรัดติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายต้องการจี้ชิงทรัพย์

พล.ต.ต.ยงยุทธ กล่าวว่า จากรายงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน พบว่าใกล้จุดที่เกิดเหตุมีร้านส้มโอร้านหนึ่งที่น่าสงสัย เพราะขณะเกิดเหตุมีวัยรุ่นนั่งเฝ้าร้านอยู่คนหนึ่ง สอบสวนในเบื้องต้นพบหลักฐานหลายอย่าง ซึ่งจากการเข้าตรวจค้นพบขวดเบียร์และก้อนหินลักษณะคล้ายก้อนหินที่คนร้ายใช้ ก่อเหตุ จึงสั่งการให้ชุดสืบสวนไปตามตัวมาสอบปากคำ พร้อมกับเก็บก้อนหินที่ใช้ก่อเหตุ และขวดเบียร์ที่พบบริเวณร้านส้มโอ ส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุ วิทยาการเขต 15 นครปฐม ตรวจสอบหาร่องรอยนิ้วมือต่อไป

พล.ต.ต.สมบัติ กล่าวว่า มีพยานระบุว่าหลังจากเกิดเหตุประมาณ 03.00 น. ของวันเดียวกัน มีชายวัยรุ่น 2 คน หนึ่งในนั้นมีรูปร่างท้วม ผมหยิก ซึ่งตรงกับลักษณะคนร้ายที่ก่อเหตุ เดินทางไปที่ รพ.ศาลายาเพื่อไปสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าคนเจ็บที่ถูกหินปาใส่รถอาการเป็นอย่าง ไร ซึ่งมีพลเมืองดีจำได้ว่าชายวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน อักษรหน้าคือ พ และตัวอักษรท้ายสุดคือ ษ ส่วนอักษรกลางจำไม่ได้ แต่เลขทะเบียนคือ 142 ไม่ทราบจังหวัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.อนุรักษ์ ผกก.สภ.นครชัยศรี กล่าวว่า เชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในละแวก อ.นครชัยศรี หรือ อ.สามพราน ซึ่งสั่งให้ชุดสืบสวนตรวจสอบประวัติวัยรุ่นที่เคยก่อเหตุชิงทรัพย์และมี พฤติกรรมลักษณะนี้เมื่อหลายปีก่อน เบื้องต้นตั้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์และพยายามฆ่า


อีกราย เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 พฤศจิกายน น.ส.เกณิกา อ่อนศิริ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115/19 หมู่ 1 ต.ทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว นสพ."คม ชัด ลึก" ว่า นายภาคิน อ่อนศิริ อายุ 23 ปี น้องชาย ถูกกลุ่มวัยรุ่นปาก้อนหินใส่ศีรษะขณะกลับจากการเล่นดนตรีที่ผับคลับเฮ้าส์ หมู่ 10 ถ.วงศ์สวรรค์ ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 พศจิกายน ที่ผ่านมา และจนถึงขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า

น.ส.เกณิกา เล่าว่า น้องชายเล่นดนตรีอยู่ที่ จ.ชลบุรี วันเกิดเหตุไปทดสอบวงที่ร้านอาหารคลับเฮ้าส์ จ.นครสวรรค์ หลังจากเล่นดนตรีเสร็จ น้องชายและเพื่อนอีก 5 คนนั่งรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีดำเดินทางกลับกรุงเทพฯ ขณะถอยรถเกิดทับขวดแก้วจนแตกกระจายเสียงดังมาก กลุ่มของน้องชายลงมาดูว่ายางแตกหรือไม่ จังหวะนั้นมีพนักงานเสิร์ฟเดินมาบอกว่า เศษขวดกระเด็นถูกวัยรุ่นที่ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไป ทำให้กลุ่มวัยรุ่นไม่พอใจอย่างมาก

"หลังจากน้องชายเงย หน้ามา ก็ถูกกลุ่มวัยรุ่นขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้ามาปาก้อนหินขนาดใหญ่ถูกหัวอย่างจังจน ล้มลง หลังเกิดเหตุเพื่อนๆ และพนักงานร้านขับรถตามจับแต่ไม่ทัน หัวหน้าวงเห็นหน้าคนร้ายและพอจำหน้าได้จึงไปแจ้งตำรวจและรีบพาน้องชายส่งโรง พยาบาล คิดว่าน่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ถูกเศษขวดแก้วกระเด็นใส่ กลับมาแก้แค้น หลังจากไปรักษาที่โรงพยาบาลพบว่ากะโหลกแตก สมองส่วนหน้าไม่ตอบสนอง และเสียชีวิตในที่สุด หลังจากนั้นตำรวจได้ออกหมายจับ แต่ยังไม่ได้ตัวคนร้าย" น.ส.เกณิกา กล่าว

พ.ต.อ.ประนอม มั่นเมือง ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ กล่าวว่า คดีนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนจากภาพสเกตช์ โดยออกหมายจับไปแล้ว ส่วนสาเหตุคาดว่าเป็นฝีมือกลุ่มวัยรุ่นที่ถูกเศษแก้วกระเด็นใส่ เกิดความแค้นเพราะคิดว่ากลุ่มผู้ตายปาขวดใส่ จึงกลับมาขว้างหินใส่ ส่วนคนร้ายที่ติดตามยากเพราะทางร้านไม่มีกล้องวงจรปิด แต่ตำรวจจะเร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว" พ.ต.อ.ประนอม กล่าว

http://webboard.mthai.com/52/2007-11-27/357716.html

เลิกสูบบุหรี่

เลิกสูบบุหรี่

"เลิกสูบบุหรี่ เพื่อคนที่เรารัก เพื่อตัวเรา วันนี้วันดี วันของพ่อที่เรารัก ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓"
มูลนิธิสุขภาพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

หมอ เขียนเรื่องนี้ เพราะอยากเห็นสังคมไทยปลอดบุหรี่ ความฝันนี้เป็นไปได้ยาก แต่มีโอกาสเป็นไปได้ ทุกวันต้องรักษาคนไข้ที่ยากจนแต่ยังสูบบุหรี่อยู่? ท่านเสียค่าบุหรี่วันละเท่าไร อนาคตต้องเก็บเงินมารักษาโรคจากบุหรี่อีก คนไข้มักอ้างว่า เครียด ไม่มีทางออก สูบบุหรี่ช่วยได้? แท้จริงแล้วเรามีทางระบายความเครียดมากมาย โดยไม่ต้องอาศัยบุหรี่ นอกจากนี้ ในสังคมไทยเรายังพบเยาวชนรุ่นใหม่นิยมการสูบบุหรี่
ทำไม ต้องมารณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ ทุกท่านคงรู้ว่าบุหรี่มีโทษอย่างไร น่ากลัวอย่างไร หมอเคยเป็นหมอผ่าศพ เคยผ่าศพปอดคนที่สูบบุหรี่ เป็นทั้งถุงลมโป่งผอง เป็นทั้งมะเร็งปอด

ภาพ ปอดจากศพผู้ที่สูบบุหรี่
ท่านที่สูบบุหรี่ยังเสียบุคลิกภาพ มีลมหายใจที่เหม็น มีคราบบุหรี่ที่ฟัน เล็บและนิ้วเหลือง
ท่านผู้หญิงที่สูบบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์ มีโอกาสแท้ง และลูกที่คลอดออกมาจะมีน้ำหนักตัวน้อย
ใน แต่ละปี รัฐต้องเสียค่ารักษาพยาบาลในการดูแลรักษาผู้ป่วยที่เกิดโรคจากการสูบบุหรี่ เป็นจำนวนมาก แต่ไม่เท่ากับคำพูดคนไข้ที่บอกหมอว่า “ถ้าลุงย้อนเวลากลับไปได้ลุงจะไม่สูบบุหรี่ ลุงไม่อยากต้องเข้าออกโรงพยาบาลและห้องไอซียูแบบนี้ครับหมอ ปีนี้ 4 รอบแล้ว” และคนไข้หมออีกหลายคนที่ไม่เลิกสูบบุหรี่ วันนี้ก็เสียชีวิตไปแล้ว
สิ่งที่เขียนนี้ ได้จากประสบการณ์ที่รักษาผู้ป่วยให้เลิกสูบบุหรี่ และเป็นผู้ป่วยที่มีตั้งแต่ง่ายจนยาก ขอให้ท่านเชื่อมั่นว่า ท่านที่ตั้งใจจริงที่จะเลิกสูบบุหรี่สามารถเลิกได้สำเร็จทุกคน ขอให้ปฏิบัติตามหลักการง่ายๆดังนี้ครับ

1. กำหนดความตั้งใจจริงที่จะเลิกสูบบุหรี่ จนท่านมั่นใจว่าท่านต้องการเลิกแน่แล้ว มีความตั้งใจจริง เห็นโทษภัยของบุหรี่ อยากเป็นผู้ชนะ ไม่อยากตกเป็นทาสของบุหรี่อีก เคล็ดลับสำคัญคือ “เราต้องเลิกได้ สู้เพื่อคนที่เรารัก”

2. หาวันที่เป็นช่วงไม่เครียด และเป็นโอกาสสำคัญ เช่น วันสำคัญ วันเกิดลูก (ข้อนี้อาจไม่จำเป็น ถ้าท่านคิดว่า ท่านพร้อมแล้วสำหรับการเป็นผู้ชนะ สู้เพื่อคนที่เรารัก) คุณควรบอกให้คนใกล้ชิดได้ทราบถึงความตั้งใจที่จะเลิกสูบบุหรี่ เพราะกำลังใจจากคนรอบข้างจะช่วยให้คุณมีความพยายามที่จะเลิกสูบบุหรี่ให้ได้ เพื่อคนที่คุณรัก ถ้าท่านได้อ่านบทความนี้ ขอเพียงเป็นวันที่ท่านมีความคิดอีกครั้งที่จะเลิกสูบบุหรี่ หมอก็ดีใจแล้วครับ แค่นี้ก็สำเร็จมากๆแล้ว

3. เตรียมลูกอม และน้ำเย็น ถ้ากลัวอ้วน หรือเป็นเบาหวาน ให้ใช้ลูกอมชนิด ปราศจากน้ำตาล (sugar-free) ครับ

4. เมื่อถึงวันลงมือ ขอให้คุณตื่นนอนด้วยความสดชื่น บอกกับตัวเองว่าคุณกำลังทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองและคนใกล้ชิด เมื่ออยากสูบบุหรี่ก็ขอให้คุณทบทวนถึงเหตุผลที่ทำให้คุณตัดสินใจเลิกสูบ บุหรี่ ปรับเปลี่ยนอิริยาบถ ล้างหน้า ดื่มน้ำ อยู่ใกล้ชิดกับคนที่ไม่สูบบุหรี่หรือเล่นกับลูกให้มากขึ้น ก็จะช่วยให้คุณผ่านพ้นความอยากสูบบุหรี่ได้ง่ายขึ้น ทิ้งบุหรี่และอุปกรณ์ทั้งหมด และเลิกทันที กำหนดจิตใจที่แน่วแน่ว่า ชีวิตนี้จะไม่กลับมาสูบบุหรี่อีกแม้แต่มวนเดียว (หมอพบคนไข้ ที่คิดว่าสูบอีกมวนไม่เป็นไร ไม่น่าจะติด และก็กลับมาติดบุหรี่อีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การเลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จ คือ การไม่กลับไปสูบอีก แม้แต่คำเดียว)

5. ท่านต้องอดทนให้พ้น 2 วัน (48 ชั่วโมง นับจากบุหรี่มวนสุดท้าย) ความทรมานทางร่างกายจะหมดไป บางคนอาจไม่ทรมานเลย บางคนหงุดหงิด ปวดตามร่างกาย

6. หากท่านอยากบุหรี่ ให้อมลูกอม ดื่มน้ำเย็น ล้างหน้า หายใจเข้าลึกๆออกยาวๆ นับ 1 หายใจเข้าลึกๆออกยาวๆ นับ 2 หายใจเข้าลึกๆออกยาวๆ นับ 3 ....ทำไปเรื่อยๆ จนถึงอย่างน้อย 10

7. หมอพบประสบการณ์ว่า คนไข้เมื่อเจอเรื่องเครียด จะคิดถึงบุหรี่และกลับไปสูบบุหรี่อีกง่ายมาก ดังนั้น ต้องระลึกเสมอว่า เรามาไกลแล้ว เราต้องไม่สูบบุหรี่อีกตลอดชีวิต เมื่อเจอเรื่องเครียดและอยากบุหรี่ให้ทำตามข้อ 6 ให้หยุดพักสมองสักครู่ คลายความเครียดด้วยการพูดคุยกับคนอื่นๆ หรือหาหนังสือสนุกๆ คลายเครียดไว้อ่านบ้างก็ได้ ทำกิจกรรมมากๆ คลายเครียด ลืมความอยากบุหรี่ได้ดีครับ พึงระลึกไว้เสมอว่ามีคนไม่สูบบุหรี่อีกมากที่ คลายความเครียดได้โดยไม่ต้องสูบบุหรี่

8. คุณควรจัดเวลาออกกำลังกายบ้าง อย่างน้อยวันละ 15 - 20 นาที เพราะนอกจากจะเป็นการควบคุมน้ำหนักที่อาจเพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้สมองปลอดโปร่ง เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของหัวใจและปอด ถ้าไม่มีเวลาก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องทุ่นแรงต่างๆ เช่น กดลิฟท์ให้ต่ำกว่าชั้นที่ต้องการ 1 ชั้น เพื่อที่คุณจะได้เดินออกกำลังกายบ้าง หรือควรใช้จักรยานในการเดินทางใกล้ๆ

9. หากคุณพ่ายแพ้กลับไปสูบบุหรี่ หมอขอเป็นกำลังใจ อย่าท้อที่จะเริ่มใหม่ คุณจะต้องเลิกได้สำเร็จ ถ้าจิตใจคุณยังมีความต้องการที่จะเลิกสูบบุหรี่ เพื่อให้คุณมีแนวทางในการเลิกสูบบุหรี่ คุณอาจโทรศัพท์เพื่อขอคำแนะนำในการเลิกสูบบุหรี่ได้ที่ ควิทไลน์ หมายเลข 1600 หรือขอคำปรึกษาจากคนที่คุณรู้จักที่สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จ “หากท่านสามารถเลิกสูบบุหรี่ได้ ขอให้เป็นกำลังใจช่วยเหลือคนอื่นให้เลิกสูบบุหรี่ต่อไป”

บท ความนี้หมอเขียนขึ้น “เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย” หากท่านได้ประโยชน์จากบทความนี้ ขอให้ท่านช่วยละเว้นการทำความชั่ว ทำแต่ความดี รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใสเสียสละเพื่อในหลวง เพื่อให้สังคมไทยมีสุขภาพดีขึ้น........

นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ
ประธานมูลนิธิสุขภาพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
www.oknation.net/blog/thainht

ประวัติกีฬาว่ายน้ำ

ประวัติกีฬาว่ายน้ำ

กีฬาว่ายน้ำ (Swimming) ถือ เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เพราะมนุษย์สามารถว่ายน้ำได้ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์ที่ตั้งภูมิลำเนาอยู่ตามชายทะเล แม่น้ำ ลำคลอง และที่ราบลุ่มต่างๆ เช่น พวกเอสซีเรีย อียิปต์ กรีก และโรมัน มีการฝึกหัดว่ายน้ำกันมาตั้งแต่ก่อนคริสตกาล เพราะมีผู้พบภาพวาดเกี่ยวกับการว่ายน้ำในถ้ำบนภูเขาแถบทะเลทรายลิบยาน
การ ว่ายน้ำในสมัยนั้นเพียงเพื่อให้สามารถว่ายน้ำข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้ หรือเมื่อเกิดอุทกภัยน้ำท่วมป่าและที่อยู่อาศัยก็สามารถพาตัวไปในที่น้ำท่วม ไม่ถึงได้อย่างปลอดภัย การว่ายน้ำได้มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน แต่มีหลักฐานบันทึกไว้ไม่นานนัก Ralph Thomas ให้ชื่อแบบว่ายน้ำที่มนุษย์ใช้ว่ายกันมาตั้งแต่เดิมว่า ฮิวแมน สโตร์ก (Human stroke) นอก จากนี้พวกชนชาติสลาฟและพวกสแกนดิเนเวียรู้จักการว่ายน้ำอีกแบบหนึ่ง โดยใช้เท้าเคลื่อนไหวในน้ำคล้ายกบว่ายน้ำ หรือที่เรียกว่าฟล็อกคิก (Flogkick) แต่วิธีการเคลื่อนไหวของท่าแบบนี้จะทำให้ว่ายน้ำได้ไม่เร็วนัก
การแข่งขันว่ายน้ำครั้งแรกได้จัดขึ้น วูลวิช บาร์ท (Woolwich Baths) ใกล้กับกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2416 การแข่งขันครั้งนั้นมีการแข่งขันเพียงแบบเดียวคือ แบบฟรีสไตล์ (Free style) โดยผู้ว่ายน้ำแต่ละคนจะว่ายแบบใดก็ได้ ในการแข่งขันครั้งนี้ J. Arhur Trudgen เป็น ผู้ได้รับชัยชนะ โดยเขาได้ว่ายแบบเดียวกับพวกอินเดียแดงในอเมริกาใต้ คือแบบยกแขนกลับเหนือน้ำ ซึ่งเป็นวิธีการว่ายน้ำของเขาได้กลายเป็นแบบที่ได้รับความนิยมมากจนได้ชื่อ ว่า ท่าว่ายน้ำแบบทรัดเจน (Trudgen stroke) ประชาชนชาวโลกได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการว่ายน้ำเพิ่มมากขึ้น เมื่อเรือเอก Mathew Webb ได้ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษจากเมืองโดเวอร์ คาเลียส เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2418 โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 21 ชั่วโมง 45 นาที ด้วยการว่ายแบบกบ (Breast stroke) ข่าวความสำเร็จอันนี้ได้สร้างความพิศวงและตื่นเต้นไปทั่วโลก ต่อมาเด็กชาวอเมริกันชื่อ Gertude Ederle ได้ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2469 ทำเวลาได้ 14 ชั่วโมง 31 นาที โดยว่ายน้ำแบบท่าวัดวา (Crawa stroke) จะเห็นได้ว่าในชั่วระยะเวลา 50 ปี
การ ว่ายน้ำได้วิวัฒนาการก้าวหน้าขึ้นเป็นอย่างมาก ถ้าหากได้พิจารณาถึงเวลาของคนทั้งสองที่ทำได้ แบบและวิธีว่ายน้ำได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดความเร็วขึ้น เสมอ ในบรรดานักว่ายน้ำทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวแลนเคเชียร ์และออสเตรเลีย ได้ดัดแปลงวิธีว่ายน้ำแบบทรัดเจน ซึ่งก็ได้รับผลดีในเวลาต่อมา กล่าวคือ Barney Kieran ชาวออสเตรเลียและ T. S. Battersby ชาวอังกฤษ ได้ว่ายน้ำแบบที่ปรับปรุงมาจากทรัดเจน เป็นผู้ครองตำแหน่งชนะเลิศของโลกเมื่อปี พ.ศ. 2449-2415 Alex Wickham ชาวเกาะโซโลมอนเป็นผู้ริเริ่มการว่ายน้ำแบบท่าวัดวาและเป็นผู้ครองตำแหน่งชนะเลิศของโลก ระยะทาง 50 หลา เขาได้กล่าวว่าเด็กโซโลมอนทุกคนว่ายน้ำแบบนี้ทั้งนั้น ต่อมาท่าว่ายน้ำแบบวัดวาจึงเป็นที่นิยมฝึกหัดกันโดยทั่วไป กีฬาว่ายน้ำได้จัดเข้าไว้ในการแข่งขันโอลิมปิกเมื่อปี พ.ศ. 2436 และ ได้จัดการแข่งขันมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุดังกล่าวกีฬาว่ายน้ำก็ได้รับความสนใจจากคนทั่วไป และถือเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก มีการพัฒนากีฬาว่ายน้ำให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นเป็นลำดับ โดยมีผู้คิดแบบและประเภทของการว่ายน้ำเพื่อความสนุกสนาน และความตื่นเต้นในการแข่งขันมากขึ้น

http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1124260

ประวัติวอลเลย์บอล

วอลเลย์บอล : ประวัติวอลเลย์บอล


กีฬาวอลเลย์บอล (Volleyball) ได้เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2438 โดย William G. Morgan ผู้อำนวยการด้านพลศึกษาแห่งสมาคม Y.M.C.A. ( Young Mans Christian Association) เมืองโฮล์โยค ( Holyoke) มลรัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้เกิดขึ้นเพียง 1 ปี ก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ ครั้งที่ 1 ณ กรุงเอเธนส์ โดยเขาได้พยายามคิดและดัดแปลงกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ใช้เป็นกิจกรรมนันทนาการหรือผ่อนคลายความตึงเครียดให้เหมาะสมกับฤดู กาล และเขาก็เกิดความคิดขึ้นในขณะที่ได้ดูเกมเทนนิส เพราะกีฬาเทนนิสเป็นกีฬาที่ต้องใช้อุปกรณ์ เช่น แร็กเกต ลูกบอล ตาข่าย และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมาก จึงได้มีแนวคิดที่จะใช้ตาข่ายสูง 6 ฟุต 6 นิ้ว จากพื้นซุงเป็นระดับสูงกว่าความสูงเฉลี่ยของผู้ชาย และได้ใช้ยางในของลูกบาสเกตบอลมาทำเป็นลูกบอล แต่ปรากฏว่ายางในลูกบาสเกตบอลเบาและช้าเกินไป จึงได้ใช้ยางนอกของลูกบาสเกตบอล ซึ่งก็ปรากฏว่าใหญ่และหนาเกินไปไม่เหมาะสม ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2449 Morgan ได้ติดต่อบริษัท A.G.Spalding and Brother ให้ทำลูกบอลตัวอย่างขึ้น 1 ลูก โดยมีขนาดเส้นรอบวง 25-27 นิ้ว น้ำหนัก 9-12 ออนซ์ เพื่อนำมาใช้แทนลูกบาสเกตบอล
ในปี พ.ศ. 2495 คณะกรรมการบริหารสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เสนอให้ใช้ชื่อเป็นคำเดียวคือ Volleyball และนาย Morgan ได้แนะนำวิธีการเล่นให้แก่ Dr.Frank Wook ซึ่งเป็นนักฟิสิกส์ และ John Lynoh หัวหน้าหน่วยดับเพลิง โดยได้ร่วมกันร่างกฎเกณฑ์ในการเล่นขึ้น 10 ข้อ ดังนี้

1.เกม (Game) เกมหนึ่งประกอบด้วย 9 อินนิ่ง (Innings) เมื่อครบ 9 อินนิ่ง ฝ่ายใดได้คะแนนมากว่าเป็นฝ่ายชนะ
2. อินนิ่ง หมายถึง ผู้เล่นของแต่ละชุดได้เสิร์ฟทุกคน
3. สนามเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 25 ฟุต ยาว 50 ฟุต
4. ตาข่ายกว้าง 2 ฟุต ยาว 27 ฟุต สูงจากพื้น 6 ฟุต 6 นิ้ว
5. ลูกบอลมียางในหุ้มด้วยหนังหรือผ้าใบ วัดโดยรอบไม่น้อยกว่า 25 นิ้วและไม่เกิน 27 นิ้ว มีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 9 ปอนด์ และไม่เกิน 12 ปอนด์
6. ผู้เสิร์ฟและการเสิร์ฟ ผู้เสิร์ฟจะต้องยืนด้วยเท้าหนึ่งบนเส้นหลัง และตีลูกบอลด้วยมือข้างเดียว อนุญาตให้ทำการเสิร์ฟได้ 2 ครั้ง เพื่อที่จะส่งลูกบอลไปยังแดนคู่ต่อสู้เช่นเดียวกับเทนนิส การเสิร์ฟจะต้องตีลูกบอลได้อย่างน้อย 10 ฟุต และห้ามเลี้ยงลูกบอล อนุญาตให้ถูกตาข่ายได้ แต่ถ้าลูกบอลถูกผู้เล่นคนอื่นๆ ก่อนถูกตาข่ายและถ้าลูกข้ามตาข่ายไปยังแดนคู่ต่อสู้ถือว่าดี แต่ถ้าลูกออกนอกสนาม จะหมดสิทธ์การเสิร์ฟ ครั้งที่ 2
7. การนับคะแนนลูกเสิร์ฟที่ดีฝ่ายรับจะไม่สามารถโต้ลูกกลับมาได้ให้นับ 1 คะแนนสำหรับฝ่ายเสิร์ฟ ฝ่ายที่จะสามารถทำคะแนนได้คือฝ่ายเสิร์ฟเท่านั้น ถ้าฝ่ายเสิร์ฟทำลูกบอลเสียในแดนของตนเอง ผู้เสิร์ฟจะหมดสิทธิ์ในการเสิร์ฟ
8. ลูกบอลถูกตาข่าย (ลูกเสิร์ฟ) ถ้าเป็นการทำเสียครั้งที่ 1 ให้ขานเป็นลูกตาย
9. ลูกบอลถูกเส้น ให้ถือเป็นลูกออก
10. การเล่นและผู้เล่น การถูกตาข่ายโดยผู้เล่นทำลูกบอลติดตาข่าย หรือ ลูกบอลถูกสิ่งกีดขวาง และกระดอนเข้าสู่สนามถือเป็นลูกดี
ปี พ.ศ. 2495 ได้มีการจัดแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงขึ้นครั้งแรก โดยมีนาย Migaki Nishikawa ประธานสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศญี่ปุ่น โดยจัดให้มีการแข่งขันระหว่างประเทศในแถบตะวันออกไกล และกีฬาวอลเลย์บอลนี้ได้ถูกจัดเข้าแข่งขันในโอลิมปิกครั้งแรกที่เมือง เฮลซิงกิ และมีการแข่งขันวอลเลย์บอลชิงแชมป์โลกครั้งแรกที่เมืองสโคร์ จากนั้นสมาคมวอลเลย์บอลแห่งญี่ปุ่นก็มีการส่งเสริมกีฬาชนิดนี้มาก โดยส่งทีมวอลเลย์บอลของมหาวิทยาลัย Lashita ซึ่งชนะเลิศการแข่งขันของประเทศญี่ปุ่นไปแข่งที่สหรัฐอเมริกา

กติกาวอลเลย์บอล

การแข่งขัน
ใช้ การเสี่ยงเลือกเสิร์ฟหรือเลือกแดน ก่อนแข่งให้วอร์มที่ตาข่าย 3 ถึง 5 นาที ถ้าทั้ง 2 ทีม ตกลงวอร์มพร้อมกันให้วอร์มที่ตาข่ายได้ 6 - 10 นาที

ตำแหน่งของผู้เล่น
ใน ขณะที่ผู้เสิร์ฟทำการเสิร์ฟ ผู้เล่นแต่ละคนต้องอยู่ในแดนของตน ผู้เล่นแถวหน้า 3 คน แถวหลังแต่ละคนจะต้องอยู่ด้านหลังของคู่ของตนทีเป็นผู้เล่นแถวหน้า การเล่นผิดตำแหน่งจะเป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกครั้งนั้น การหมุนตำแหน่งต้องหมุนตามเข็มนาฬิกา

การเปลี่ยนตัวผู้เล่น
เปลี่ยน ตัวได้มากสุด 6 คนต่อเซต แต่ละครั้งจะเปลี่ยนกี่คนก็ได้ ผู้ที่เริ่มเล่นในเซตนั้น จะเปลี่ยนตัวออกได้ 1 ครั้งและกลับเข้ามาเล่นได้อีก 1 ครั้ง ในตำแหน่งเดิม ผู้เล่นสำรองจะเปลี่ยนตัวเข้าไปเล่นได้เพียงครั้งเดียวในแต่ละเซต และผู้เปลี่ยนเข้ามาต้องเป็นผู้เล่นคนเดิม

การเล่นลูกบอล
ผู้ เล่นสามารถที่จะนำลูกบอลจากนอกเขตสนามกลับเข้ามาเล่นต่อได้ ทีมหนึ่งสามารถถูกลูกบอลได้มากที่สุด 3 ครั้ง ยกเว้นเมื่อทำการบล็อก (ได้ 4 ครั้ง) ผู้เล่นหนึ่งคนจะถูกลูกบอล 2 ครั้ง ติดต่อกกันไม่ได้ ยกเว้นการบล็อกถ้าผู้เล่นถูกลูกพร้อมกัน 3 คน ก็ถือว่าถูก 3 ครั้ง ถ้าถูกพร้อมกันเหนือตาข่ายก็จะไม่นับ ถ้าลูกบอลออกถือว่าฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามทำออก ถ้ายึดลูกบอลเหนือตาข่ายจะต้องเล่นใหม่ ลูกบอลที่ชนตาข่ายยังเล่นต่อไปได้จนครบ 3ครั้ง ตามกำหนดยกเว้นการเสิร์ฟ

การเสิร์ฟ

จะ เสิร์ฟโดยผู้เล่นที่อยู่ในตำแหน่งหลังขวาที่อยู่ในเขตเสิร์ฟ การกำหนดทีมที่จะเสิร์ฟ ลูกแรกในเซตที่ 1 และ 5 โดยการเสี่ยง ต้องเสิร์ฟตามลำดับที่บันทึกไว้ เมื่อโยนออกไปเพื่อเสิร์ฟแล้ว ต้องใช้มือหรือส่วนใดของแขนข้างเดียว กระโดดเสิร์ฟได้ ต้องเสิร์ฟลูกภายใน 5 วินาที หลังจากผู้ตัดสินเป่านกหวีด ถ้าเสิร์ฟพลาดไม่ถูกลูก ผู้ตัดสินจะให้เสิร์ฟใหม่ภายใน 3 นาที

การตบลูกบอล
ผู้ เล่นในแดนหน้าสามารถตบลูกบอลด้วยวิธีใดก็ได้จากแดนของตนเองในความสูง ทุกระดับ โดยในขณะที่สัมผัสลูกบอลนั้น ลูกบอลจะต้องอยู่ในแดนของตนเองเพียงส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดก็ได้ ส่วนผู้เล่นในแนวหลังสามารถกระโดดตบลูกได้ แต่จะต้องตบจากเขตแดนหลัง การตบลูกบอลดังกล่าวหากไม่เป็นตามกติกาข้อนี้ถือว่าเสีย

การบล็อก
ผู้ เล่นแถวหน้าเท่านั้นที่บล็อกได้ จะบล็อกเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มก็ได้ เมื่อบล็อกได้แล้วยังถูกลูกได้อีก 3 ครั้งห้ามบล็อกลูกเสิร์ฟ สามารถใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้าถูกลูกบอลได้

การล้ำแดนผิดระเบียบ ก่อนหรือระหว่างการตบของคู่ต่อสู้ หรือสัมผัสลูกบอลในแดนคู่ต่อสู้เข้าไปในแดนคู่ต่อสู้ขณะที่ลูกบอลยังอยู่ใน การเล่น และตัวผู้เล่นถูกตาข่ายหรือเสาอากาศถือเป็นการล้ำแดนที่ผิดกติกา

การขอเวลานอก
ขอได้ 2 ครั้งต่อเซต ไม่ให้เปลี่ยนตัว 2 ครั้งต่อเนื่องกัน การขอเวลานอกมีเวลา 30 วินาที ในระหว่างการขอเวลานอกผู้เล่นทุกคนต้องออกไปอยู่บริเวณเขตรอบสนามใกล้ม้า นั่ง

การเปลี่ยนตัวมากกว่า 1 คน
ให้แจ้งก่อนและเปลี่ยนทีละคู่ตามลำดับ

เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ถ้ามี เหตุระหว่างเล่นให้หยุด แล้วเล่นลูกนั้นใหม่ถ้ามีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องหยุดนานไม่เกิน 4 ชม.ถ้าทำการแข่งขันใหม่ใช้สนามเดิม เซตที่หยุดการแข่งขันจะนำมาแข่งขันตามปกติ ถ้าใช้สนามอื่นให้ยกเลิกเซตนั้นแล้วเริ่มต้นใหม่ ผลของเซตที่ผ่านมามีผลเหมือนเดิม ถ้าหยุดเกิน 4 ชั่วโมงต้องเริ่มแข่งใหม่ทั้งหมด

การหยุดพัก
พักระหว่างเซตแต่ละเซต พักได้ไม่เกิน 30 วินาที ส่วนการพักเซตที่ 4 และเซตที่ 5 พักได้ 5 นาที ทั้งสองทีมต้องตั้งแถวที่แนวเส้นหลังทันทีที่ผู้ตัดสินเรียกลงสนามแข่ง ขันต่อ และเมื่อสิ้นสุดการแข่งขันในแต่ละเซต ทั้งสองทีมต้องเปลี่ยนแดนกัน นอกจากเซตตัดสิน

การเปลี่ยนแดน
เมื่อเสร็จแต่ละเซต ทั้ง 2 ทีมจะต้องเปลี่ยนแดนยกเว้นเซตตัดสิน เซตตัดสินทีมใดได้ 8 คะแนนน ให้เปลี่ยนแดนทันทีและตำแหน่งของผู้เล่นเป็นตามเดิม

ข้อห้ามของผู้เล่น
ห้ามมิให้ผู้เล่นสวมเครื่องประดับที่เป็นโลหะของแข็งในระหว่างการแข่งขันทุกชนิด

มารยาทของผู้เล่น
ผู้เล่นต้องยอม รับผลการแข่งขัน สุภาพอ่อนโยนต่อผู้ตัดสินและฝ่ายตรงข้าม ไม่ควรแสดงท่าทางและทัศนะคติที่ใม่ดีระหว่างแข่งขันหรือแสดงพฤติกรรมอื่นใด ที่ไม่เป็นการสุภาพต่อผู้อื่น


http://www.sport-za.com/article/

ประวัติความเป็นมาของเครื่องคอมพิวเตอร์

ประวัติความเป็นมาของเครื่องคอมพิวเตอร์


เครื่องคอมพิวเตอร์นับได้ว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีความสลับซับซ้อน ( Conplexity ) น่าอัศจรรย์ที่มีความสามารถยิ่ง ซึ่งนับวันจะสูงขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาก้าวไปอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับ อดีต คอมพิวเตอร์นับว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีประวัติศาสตร์อันน่าศึกษา เริ่มจากเดิมมนุษย์ดำเนินชีวิตโดยไม่มีการบันทึก จนกระทั่งการพาณิชย์มีการพัฒนาขึ้น พ่อค้าชาวแบบีลอน (Babylonian) ได้มีการจดบันทึกข้อมูลต่างๆ ลงบน clay tablets สำหรับการคำนวณ อุปกรณ์คำนวณในยุคแรกได้แก่ ลูกคิด ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีใช้อยู่
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2185 นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส Blaise Pascal ได้สร้างเครื่องกลสำหรับการคำนวณชื่อ pascaline ในปี พ.ศ. 2215 Gottfried Von Leibniz นักคณิตศาสตร์ชาวเยอร์มันได้พัฒนา pascaline โดยสร้างเครื่องที่สามารถ บวก ลบ คูณ หาร และถอดรากได้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดทราบว่ามีความแม่นยำขนาดไหน ต่อมาในปี พ.ศ. 2336 นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ Chales Babbage ได้สร้างดิฟเฟอเรนซ์แอนจิน difference engine ที่มีฟังก์ชันทางตรีโกณมิติต่างๆ โดยอาศัยหลักการทางคณิตศาสตร์ และคิดว่าจะสร้างแอนะลีติคอลเอนจิน (analytical engine ) ที่มีหลักคล้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไปในปัจจุบัน จึงมีผู้ยกย่องว่าเป็นบิดาของคอมพิวเตอร์และเป็นผู้ริเริ่มวางรากฐาน คอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
ปี พ.ศ. 2439 Herman Hollerith ได้คิดบัตรเจาะรูและเครื่องอ่านบัตร จนกระทั่วในปี พ.ศ. 2480 Howard Aiken สร้าง automatic calculating machine เพื่อเชื่อมโยงเทคโนโลยีทั้งทาง electrical และ mechanical เข้ากับบัตรเจาะรูของ Hollerith ด้วยความช่วยเหลือของนักศึกษาปริญญาและวิศวกรรมของ IBM สำเร็จในปี พ.ศ. 2487 โดยใช้ชื่อว่า MARK I การทำงานภายในตัวเครื่องถูกควบคุมอย่างอัตโนมัติด้วย electromagnetic relays และ arthmetic counters ซึ่งเป็น mechanical ดังนั้น MARK I จึงนับเป็น electromechanical computers และต่อมา Dr. John Vincent Atanasoff และ Clifford Berry ได้สร้างเครื่อง ABC ( Atanasoft-Berry Computer ) โดยใช้หลอดสูญญากาศ ( vacuum tubes) และในปี พ.ศ. 2483 Dr.John W. Mauchy และ J. Presper Eckert Jr. พัฒนาเพิ่มเติมบนหลักการออกแบบพื้นฐานของ Dr. Atanasoff เพื่อสร้าง electronic computer เครื่องแรกชื่อ ENIAC แต่ยังไม่เป็นคอมพิวเตอร์ชนิดเก็บโปรแกรมได้ ( stored program ) จึงได้รับการพัฒนาเป็นเครื่อง EDVAC ซึ่งอาศัยหลักการ stored program สมบูรณ์และได้มีการพัฒนาเป็นเครื่อง EDSAC และพัฒนาเป็นเครื่อง UNIVAC ( Universal Automatic Computer ) ในที่สุด
ถ้าจะจำแนกยุคของคอมพิวเตอร์ ( Computer generations ) โดยแบ่งตามเทคโนโลยีของตัวเครื่องกับเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลแล้วก็จะพอจะ พิจารณาได้คือ
  1. ยุคแรก ใช้เทคโนโลยีของหลอดสูญญากาศ เป็นแบบบัตรเจาะรู
  2. ยุคที่สอง ใช้เทคโนโลยีของทรานซิสเตอร์เป็นแบบเทป ลักษณะเป็นกรรมวิธีตามลำดับ ( Sequential Processing )
  3. ยุคที่สาม ใช้เทคโนโลยีของไอซี (integrated circuit, IC) เป็นแบบจานแม่เหล็กลักษณะเป็นการทำงานหลายโปรแกรมพร้อมกัน ( Multiprogramming ) และออนไลน์ ( on-line)
  4. ยุคที่สี่ ใช้เทคโนโลยีของวงจรรวมขนาดใหญ่ ( Large-scale integration,LSI ) ของวรจรไฟฟ้า ผลงานจากเทคโนโลยีนี้คือ ไมโครโปรเซสเซอร์ ( microprocessor ) กล่าวได้ว่า "Computer on a chip" ในยุคนี้
จากอดีตถึงปัจจุบัน คอมพิวเตอร์ได้พัฒนามาอย่างรวดเร็วทำให้วิทยาการด้านคอมพิวเตอร์มีการพัฒนา เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กล่าวได้ว่าโลกของวิทยาการคอมพิวเตอร์นั้นมีการเคลื่อนไหวเสมอ ( dynamics) และไม่ค่อยยืดหยุ่น ( rigid ) มากนัก เช่น ถ้ามีความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย บางครั้งอาจเป็นบ่อเกิดปัญหาที่ใหญ่โตมหาศาลได้ นอกจากนี้ยังนับได้ว่าเป็นโลกที่ควบคุมไม่ได้ หรือสามารถจัดการได้น้อย กล่าวคือ ทันทีที่ทำงานด้วยโปรแกรม เครื่องก็ปฏิบัติงานไปตามโปรแกรมด้วยตนเอง ขณะนั้นมนุษย์ไม่สามารถควบคุมได้ http://www.itdestination.com/resources/intro/history/

วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ประวัติพระพุทธเจ้า


ประวัติพระพุทธเจ้า

"ศาสนาพุทธ" เป็นศาสนาประจำชาติไทยของเรา แล้วมีสักกี่คนเอ่ย...ที่ทราบถึงประวัติของ "พระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ผู้ทรงเป็น "พระศาสดา" ของ "พระพุทธศาสนา" วันนี้กระปุกจึงนำเรื่องราวพุทธประวัติ หรือ ประวัติพระพุทธเจ้า มาฝากกันค่ะ
พระพุทธเจ้าทรงมีพระนามเดิมว่า "สิทธัตถะ" หมายถึง ผู้ที่สำเร็จความมุ่งหมายแล้ว หรือผู้ปรารถนาสิ่งใด ย่อมได้สิ่งนั้น ทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ กษัตริย์ผู้ครองกรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ และ "พระนางสิริมหามายา" พระราชธิดาของกษัตริย์ราชสกุลโกลิยวงศ์แห่งกรุงเทวทหะ แคว้นโกลิยะ
ในคืนที่พระพุทธเจ้าเสด็จปฏิสนธิในครรภ์พระนางสิริมหามายา พระนางทรงพระสุบินนิมิตว่า มีช้างเผือกมีงาสามคู่ได้เข้ามาสู่พระครรภ์ ณ ที่บรรทม ก่อนที่พระนางจะมีพระประสูติกาล ที่ใต้ต้นสาละ ณ สวนลุมพินีวัน เมื่อวันศุกร์ ขึ้นสิบห้าค่ำ เดือนวิสาขะ ปีจอ 80 ปีก่อนพุทธศักราช (ปัจจุบันสวนลุมพินีวันอยู่ในประเทศเนปาล)
ทันทีที่ประสูติ เจ้าชายสิทธัตถะทรงดำเนินด้วยพระบาท 7 ก้าว และมีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับพระบาท พร้อมเปล่งพระวาจาว่า "เราเป็นเลิศที่สุดในโลก ประเสริฐที่สุดในโลก การเกิดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของเรา" แต่หลังจากเจ้าชายสิทธัตถะประสูติกาลได้แล้ว 7 วัน พระนางสิริมหามายาก็เสด็จสวรรคาลัย เจ้าชายสิทธัตถะจึงอยู่ในความดูแลของพระนางประชาบดีโคตมี ซึ่งเป็นพระกนิษฐาของพระนางสิริมหามายา
ทั้งนี้ พราหมณ์ ทั้ง 8 ได้ทำนายว่า เจ้าชายสิทธัตถะมีลักษณะเป็นมหาบุรุษ คือ หากดำรงตนในฆราวาสจะได้เป็นจักรพรรดิ ถ้าออกบวชจะได้เป็นศาสดาเอกของโลก แต่โกณฑัญญะพราหมณ์ผู้อายุน้อยที่สุดในจำนวนนั้น ยืนยันหนักแน่นว่า พระราชกุมารสิทธัตถะจะเสด็จออกบวช และจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน
ประวัติพระพุทธเจ้า : ชีวิตในวัยเด็ก
เจ้าชายสิทธัตถะทรงศึกษาเล่าเรียนจนจบศิลปศาสตร์ทั้ง 18 ศาสตร์ ในสำนักครูวิศวามิตร และเนื่องจากพระบิดาไม่ประสงค์ให้เจ้าชายสิทธัตถะเป็นศาสดาเอกของโลก จึงพยายามทำให้เจ้าชายสิทธัตถะพบเห็นแต่ความสุข โดยการสร้างปราสาท 3 ฤดู ให้อยู่ประทับ และจัดเตรียมความพร้อมสำหรับการราชาภิเษกให้เจ้าชายขึ้นครองราชย์
เมื่อมีพระชนมายุ 16 พรรษา ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางพิมพา หรือยโสธรา พระธิดาของพระเจ้ากรุงเทวทหะซึ่งเป็นพระญาติฝ่ายพระมารดา จนเมื่อมีพระชนมายุ 29 พรรษา พระนางพิมพาได้ให้ประสูติพระราชโอรส มีพระนามว่า "ราหุล" ซึ่งหมายถึง "บ่วง"


ประวัติพระพุทธเจ้า

ประวัติพระพุทธเจ้า : เสด็จออกผนวช
วันหนึ่งเจ้าชายสิทธัตถะทรงเบื่อความจำเจในปราสาท 3 ฤดู จึงชวนสารถีทรงรถม้าประพาสอุทยาน ครั้งนั้นได้ทอดพระเนตรเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช โดยเทวทูต (ทูตสวรรค์) ที่แปลงกายมา พระองค์จึงทรงคิดได้ว่า นี่เป็นธรรมดาของโลก ชีวิตของทุกคนต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงเกิด แก่ เจ็บ ตายได้ จึงทรงเห็นว่าความสุขทางโลกเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น และวิถีทางที่จะพ้นจากความทุกข์ คือต้องครองเรือนเป็นสมณะ ดังนั้นพระองค์จึงใคร่จะเสด็จออกบรรพชา ในขณะที่มีพระชนม์ 29 พรรษา
ครานั้นพระองค์ได้เสด็จไปพร้อมกับนายฉันทะ สารถี ซึ่งเตรียมม้าพระที่นั่ง นามว่ากัณฑกะ มุ่งตรงไปยังแม่น้ำอโนมานที ก่อนจะประทับนั่งบนกองทราย ทรงตัดพระเมาลีด้วยพระขรรค์ และเปลี่ยนชุดผ้ากาสาวพัตร์ (ผ้าย้อมด้วยรสฝาดแห่งต้นไม้) และให้นายฉันทะ นำเครื่องทรงกลับพระนคร ก่อนที่พระองค์จะเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ (การเสด็จออกเพื่อคุณอันยิ่งใหญ่) ไปโดยเพียงลำพัง เพื่อมุ่งพระพักตร์ไปยังแคว้นมคธ
ประวัติพระพุทธเจ้า : บำเพ็ญทุกรกิริยา
หลังจากทรงผนวชแล้ว พระองค์มุ่งไปที่แม่น้ำคยา แคว้นมคธ ได้พยายามเสาะแสวงทางพ้นทุกข์ ด้วยการศึกษาค้นคว้าทดลองในสำนักอาฬารดาบส กาลามโครตร และอุทกดาบส รามบุตร แต่เมื่อเรียนจบทั้ง 2 สำนักแล้ว ทรงเห็นว่านี่ยังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์
จากนั้นพระองค์ได้เสด็จไปที่แม่น้ำเนรัญชรา ในตำบลอุรุเวลาเสนานิคม และทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา ด้วยการขบฟันด้วยฟัน กลั้นหายใจและอดอาหาร จนร่างกายซูบผอม แต่หลังจากทดลองได้ 6 ปี ทรงเห็นว่านี่ยังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ จึงทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยา และหันมาฉันอาหารตามเดิม ด้วยพระราชดำริตามที่ท้าวสักกเทวราชได้เสด็จลงมาดีดพิณถวาย 3 วาระ คือดีดพิณสายที่ 1 ขึงไว้ตึงเกินไปเมื่อดีดก็จะขาด ดีดพิณวาระที่ 2 ซึ่งขึงไว้หย่อน เสียงจะยืดยาดขาดความไพเราะ และวาระที่ 3 ดีดพิณสายสุดท้ายที่ขึงไว้พอดี จึงมีเสียงกังวานไพเราะ ดังนั้นจึงทรงพิจารณาเห็นว่า ทางสายกลางคือไม่ตึงเกินไป และไม่หย่อนเกินไป นั่นคือทางที่จะนำสู่การพ้นทุกข์
หลังจากพระองค์เลิกบำเพ็ญทุกรกิริยา ทำให้พระปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ได้แก่ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยา มหานามะ อัสสชิ ที่มาคอยรับใช้พระองค์ด้วยความคาดหวังว่าเมื่อพระองค์ค้นพบทางพ้นทุกข์ จะได้สอนพวกตนให้บรรลุด้วย เกิดเสื่อมศรัทธาที่พระองค์ล้มเลิกความตั้งใจ จึงเดินทางกลับไปที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ตำบลสารนาถ เมืองพาราณสี


ประวัติพระพุทธเจ้า : ตรัสรู้
ครานั้นพระองค์ทรงประทับนั่งขัดสมาธิ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ อุรุเวลาเสนานิคม เมืองพาราณสี หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และตั้งจิตอธิษฐานด้วยความแน่วแน่ว่าตราบใดที่ยังไม่บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ ก็จะไม่ลุกขึ้นจากสมาธิบัลลังก์ แม้จะมีหมู่มารเข้ามาขัดขวาง แต่ก็พ่ายแพ้พระบารมีของพระองค์กลับไป จนเวลาผ่านไปในที่สุดพระองค์ทรงบรรลุรูปฌาณ คือ ครานั้นพระองค์ทรงประทับนั่งขัดสมาธิ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ อุรุเวลาเสนานิคม เมืองพาราณสี หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และตั้งจิตอธิษฐานด้วยความแน่วแน่ว่าตราบใดที่ยังไม่บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ ก็จะไม่ลุกขึ้นจากสมาธิบัลลังก์ แม้จะมีหมู่มารเข้ามาขัดขวาง แต่ก็พ่ายแพ้พระบารมีของพระองค์กลับไป จนเวลาผ่านไปในที่สุดพระองค์ทรงบรรลุรูปฌาณ คือ
ยามต้น หรือปฐมยาม ทรงบรรลุปุพเพนิวาสานุสติญาณ คือ สามารถระลึกชาติได้
ยามสอง ทางบรรลุจุตูปปาตญาณ (ทิพยจักษุญาณ) คือ รู้เรื่องการเกิดการตายของสัตว์ทั้งหลายว่าเป็นไปตามกรรมที่กำหนดไว้
ประวัติพระพุทธเจ้า : แสดงปฐมเทศนา
หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ทรงพิจารณาธรรมที่พระองค์ตรัสรู้มาเป็นเวลา 7 สัปดาห์ และทรงเห็นว่าพระธรรมนั้นยากต่อบุคคลทั่วไปที่จะเข้าใจและปฏิบัติได้ พระองค์จึงทรงพิจารณาว่า บุคคลในโลกนี้มีหลายจำพวกอย่าง บัว 4 เหล่า ที่มีทั้งผู้ที่สอนได้ง่าย และผู้ที่สอนได้ยาก พระองค์จึงทรงระลึกถึงอาฬารดาบสและอุทกดาบส ผู้เป็นพระอาจารย์ จึงหวังเสด็จไปโปรด แต่ทั้งสองท่านเสียชีวิตแล้ว พระองค์จึงทรงระลึกถึงปัญจวัคคีย์ ทั้ง 5 ที่เคยมาเฝ้ารับใช้ จึงได้เสด็จไปโปรดปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
ธรรมเทศนากัณฑ์แรกที่พระองค์ทรงแสดงธรรมคือ "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร" แปลว่าสูตรของการหมุนวงล้อแห่งพระธรรมให้เป็นไป ซึ่งถือเป็นการแสดงพระธรรมเทศนาครั้งแรก ในวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ซึ่งตรงกับวันอาสาฬหบูชา
ในการนี้พระโกณฑัญญะได้ธรรมจักษุ คือดวงตาเห็นธรรมเป็นคนแรก พระพุทธองค์จึงทรงเปล่งวาจาว่า "อัญญาสิ วตโกณฑัญโญ" แปลว่า โกณฑัญญะได้รู้แล้ว ท่านโกณฑัญญะ จึงได้สมญาว่า อัญญาโกณฑัญญะ และได้รับการบวชเป็นพระสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา โดยเรียกการบวชที่พระพุทธเจ้าบวชให้ว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"
หลังจากปัญจวัคคีย์อุปสมบททั้งหมดแล้ว พุทธองค์จึงทรงเทศน์อนัตตลักขณสูตร ปัญจวัคคีย์จึงสำเร็จเป็นอรหันต์ในเวลาต่อมา
ประวัติพระพุทธเจ้า : การเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ต่อมาพระพุทธเจ้าได้เทศน์พระธรรมเทศนาโปรดแก่ยสกุลบุตร รวมทั้งเพื่อนของยสกุลบุตร จนได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด รวม 60 รูป พระพุทธเจ้าทรงมีพระราชประสงค์จะให้มนุษย์โลกพ้นทุกข์ พ้นกิเลส จึงตรัสเรียกสาวกทั้ง 60 รูป มาประชุมกัน และตรัสให้พระสาวก 60 รูป จาริกแยกย้ายกันเดินทางไปประกาศศาสนา 60 แห่ง โดยลำพัง ในเส้นทางที่ไม่ซ้ำกัน เพื่อให้สามารถเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ในหลายพื้นที่อย่างครอบคลุม ส่วนพระองค์เองได้เสด็จไปแสดงธรรม ณ ตำบลอุรุเวลา เสนานิคม
หลังจากสาวกได้เดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในพื้นที่ต่างๆ ทำให้มีผู้เลื่อมใสพระพทุธศาสนาเป็นจำนวนมาก พระองค์จึงทรงอนุญาตให้สาวกสามารถดำเนินการบวชได้ โดยใช้วิธีการ "ติสรณคมนูปสัมปทา" คือ การปฏิญาณตนเป็นผู้ถึงพระรัตนตรัย พระพุทธศาสนาจึงหยั่งรากฝังลึกและแพร่หลายในดินแดนแห่งนั้นเป็นต้นมา
ประวัติพระพุทธเจ้า : เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จโปรดสัตว์และแสดงพระธรรมเทศนา ตลอดระยะเวลา 45 พรรษา ทรงสดับว่า อีก 3 เดือนข้างหน้าจะปรินิพพาน จึงได้ทรงปลงอายุสังขาร ขณะนั้นพระองค์ได้ประทับจำพรรษา ณ เวฬุคาม ใกล้เมืองเวลาสี แคว้นวัชชี โดยก่อนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน 1 วัน พระองค์ได้เสวยสุกรมัททวะที่นายจุนทะทำถวาย แต่เกิดอาพาธลง ทำให้พระอานนท์โกรธ แต่พระองค์ตรัสว่า "บิณฑบาตที่มีอานิสงส์ที่สุด มี 2 ประการ คือ เมื่อตถาคต (พุทธองค์) เสวยบิณฑบาตแล้วตรัสรู้ และปรินิพพาน" และมีพระดำรัสว่า "โย โว อานนท ธมม จ วินโย มยา เทสิโต ปญญตโต โส โว มมจจเยน สตถา" อันแปลว่า "ดูก่อนอานนท์ ธรรมและวินัยอันที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่เธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว"
พระพุทธเจ้าทรงประชวรหนัก แต่ทรงอดกลั้นมุ่งหน้าไปยังเมืองกุสินารา ประทับ ณ ป่าสาละ เพื่อเสด็จดับขันธุ์ปรินิพพาน โดยก่อนที่จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานนั้น พระองค์ได้อุปสมบทแก่พระสุภัททะปริพาชก ซึ่งถือได้ว่า "พระสุภภัททะ" คือสาวกองค์สุดท้ายที่พระพุทธองค์ทรงบวชให้ ในท่ามกลางคณะสงฆ์ทั้งที่เป็นพระอรหันต์ และปุถุชนจากแคว้นต่างๆ รวมทั้งเทวดา ที่มารวมตัวกันในวันนี้
ในครานั้นพระองค์ทรงมีปัจฉิมโอวาทว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราขอบอกเธอทั้งหลาย สังขารทั้งปวงมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา พวกเธอจึงทำประโยชน์ตนเอง และประโยชน์ของผู้อื่นให้สมบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด" (อปปมาเทน สมปาเทต)
จากนั้นได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ใต้ต้นสาละ ณ สาลวโนทยาน ของเหล่ามัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 รวมพระชนม์ 80 พรรษา และวันนี้ถือเป็นการเริ่มต้นของพุทธศักราช